วิเคราะกลยุทธการตลาด กระทิงแดง ด้วย Red Bull PESTLE Analysis

วิเคราะกลยุทธการตลาด Red Bull ด้วย PESTLE Analysis

ลองใช้ เครื่องมือทางการตลาด อย่าง PESTLE ในการวิเคราะห์ เครื่องดื่มชูกำลัง กระทิงแดง หรือ  ที่ทั่วโลก รู้จักกันดี ในชื่อ Red Bull

 

เอ่ยถึง เครื่องดื่มชูกำลังอย่าง กระทิงแดง คนไทยทุกคนต้องรู้จักกันเป็นอย่างดี หรือ ที่คนทั่วโลก ต่างรู้จักกระทิงแดง ในชื่อ Red Bull ด้วยสโลแกนที่ว่า เครื่องดื่มี่ช่วยให้คุณติดปีก   “เครื่องดื่มชูกำลัง”  นั้นเพิ่มเริ่มมี ในช่วงปี 2530 

และ นาย Dietrich Mateschitz ซึ่ง ผู้ประกอบการชาวออสเตรียได้ รับแรงบันดาลใจจากเครื่องดื่มไทย ที่เรียกว่า “กระทิงแดง” ระหว่างการเดินทางไปประเทศไทย เขาสังเกตเห็นว่าเขารู้สึกเจ็ทแล็กน้อยลงทุกครั้งที่เขาบริโภคเครื่องดื่มชูกำลัง ยี่ห้อน กระทิงแดง

ดังนั้นเขาจึงได้ร่วมมือกับ เฉลิม อยู่วิทยา ซึ่งเป็นเจ้าของเครื่องดื่มนี้ และร่วมกันก่อตั้งบริษัท Red Bull GmbH ในปี 2527 เจ้าของทั้งสองถือหุ้น 49% และ 51% ของหุ้นทั้งหมดในบริษัทเอกชนตามลำดับ

Mateschitz ยังทำหน้าที่เป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทอีกด้วย มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ Fuschl am See เมือง Salzburg ประเทศออสเตรีย ในปี 2018 Red Bull มีพนักงานทั้งหมด 12,239 คนทั่วโลกในกว่า 171 ประเทศ!

และเดิมทีพวกเขามีเพียงหนึ่งรสชาติคลาสสิก ที่มีอยู่ในสูตรปราศจากน้ำตาล แต่ตอนนี้พวกเขามีตัวเลือกรสชาติมากมาย

 ตอนนี้เราได้รู้จักกับ แบรนด์ Red Bull กัน มากขึ้นแล้ว เรามาพยายามทำความเข้าใจจากมุมมองด้านเศรษฐกิจมหภาค กันใน วิเคราะห์ Red Bull PESTLE Analysis

Political  การวิเคราะห์ ผลกระทบทางการเมือง ที่ส่งผล ต่อ Red Bull

เมื่อคุณเป็น เจ้าของแบรนเนมระดับโลก มันทำให้คุณเป็นเศรษฐี และ เป็นบุคคลที่ถูกจับตามอง ดังนั้นแล้ว การรักษาชื่อเสียง จึงเป็นสิ่งที่สำคัญ แต่กระนั้น เลย นาย วรยุทธ อยู่วิทยา หลานชายของ นาย เฉลิม อยู่วิทยา กับ สร้างเรื่องอื้อฉาวดังกระฉ่อนไปทั่วโลก  ที่เขา ขับรถ ขณะ มึนเมาสุรา และประสบอุบัติเหตุ ชน เจ้าหน้าที่ ตำรวจจราจร ของไทย เสียชีวิต และ เขาหนี จากที่เกิดเหตุ และ หนีคดี ไปต่างประเทศ เรื่องราว หลายปี ผ่าน คดีไม่มีความคืบหน้า ทำให้ เด็กไทย รุ่นใหม่ รู้สึกไม่พอใจ จึงได้ รุกขึ้นมาประท้วง และยังมีข่าวเรื่องการอื้อฉาวเรื่องการ ติดสินบน ศาลไทย เพื่อ ล้มคดี  ส่งผลให้ เรือง นี้ ผู้คน ในหลายๆ ประเทศ เริ่มวิจารณ์  ถึง จรรยาบรรณ ของผู้บริหาร  Red Bull

 

ประเด็นด้าน สุขภาพ

เครื่องดื่มชูกำลังมีความเสี่ยงที่จะถูกจำกัดหรือสั่งห้าม โดยสิ้นเชิงในบางสถานที่ตามกฎหมายว่าด้วยสุขภาพและการบริโภคอาหาร

 ซึ่งทำให้กระทิงแดง จะไม่สามารถจำหน่ายได้ในหลายๆประเทศ  ไม่มีการตลาดหรือการเจรจาใดที่จะมีอิทธิพลต่อนโยบายของประเทศใด ๆ กระทิงแดงมักมีอุปสรรคในอุตสาหกรรมนี้ซึ่งเป็นที่รู้จักว่าไม่ดีต่อสุขภาพโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการบริโภคผลิตภัณฑ์มากเกินไป

กระแสสุขภาพ ที่กำลังมาแรง ในหมู่คนรุ่นใหม่ จะส่งผล กระทบ อย่างรุนแรง กับอนาคต ของเครื่องดื่มชูกำลัง ทุกยี่ห้อ  อย่างแน่นอน

Economic ปัจจัยทางเศรษฐกิจ ที่มีผลกระทบต่อ Red Bull

ผลจากการระบาดของโควิด 19 ส่งผลให้หลายประเทศ ล็อคดาวน์ ส่งผล กระทบอย่างมาก กับธุรกิจทั่วโลก

และ ด้วยเครื่อง ดื่ม ชูกำลัง Red Bull สร้างภาพพจน์ ทางด้านการเป็นเครื่องดื่ม ของ นักกีฬา เอ็กตรีมจำนวนมาก ในประเทศ ไทย เครื่องดูชูกำลังจะได้รับความนิยม ในหมู่ ผู้ใช้แรงงาน กรรมกร และ อื่นๆ แต่ สำหรับในหลายๆ ประเทศ Red Bull เป็นที่นิยม ใน หมู่ นักกีฬา    และ เมื่อเกิดการ ล็อคดาวน์ ของเมืองต่างๆ ทั่วโลก ทำให้ ส่งผลเป็นยัง ยิม และ ฟิสเนเซ็นเตอร์ ต้องถูกปิด เป็นระยะเวลานาน ส่งผลต่อเครื่องดูชูกำลัง ทำให้ ลูกค้าหายไปพอสมควรทีเดีย เพราะ คนที่ชอบออกกำลังกาย หลายคน ชอบที่จะดื่ม Red Bull ก่อนเริ่มออกกำลังกายนั่นเอง

Red Bull เป็นที่เลื่องลือ กัน ในการเป็นเจ้าภาพ จัดแคมเปญ การแข่งขัน “Dance your style” มาตั้งแต่ ปี 2018  เห็นได้ ชัดว่า ความนิยมในแคมเปญ นี้ กำลังได้ รับความนิยมน้อยลง   Red Bull จึงได้ตัดสินใจ ใช้การโปโมต แคมเปญ นี้ ผ่าน โซเชียลมีเดีย ยอดฮิต อย่าง Tik Tok ด้วยการให้ ผู้ใช้งาน ทำคลิปเต้นแล้ว ติด # แฮทแท็ค  #RedBullDanceYourStyle  ทำให้ ในปี 2020 มีคนใช้ แฮชแท็ค นี้สูงถึง 3 พันล้านครั้ง และ มีการคาดการณ์ กันว่า ในปี 2020 Red Bull ทำยอดขายจากแคมเป็ญ นี้ได้ถึง 33% และกลายเป็นว่า ผู้ใช้ Tik Tok ทั้งหมด กำลังเป็น กลุ่มตลาดเป้าหมาย ของ Red Bull

แคมเปญ นี้ถือว่า เป็นการเคลื่อนไหวที่ฉลาดอย่างยิ่งของพวกเขา ที่จะรักษายอดขายเอาไว้ได้ ท่ามกลางวิกฤต โรคระบาดโควิดอยู่ในตอนนี้

ในปี 2019 พวกเขาขายได้มากถึง 7.5 พันล้านกระป๋อง! เท่ากับ หนึ่งกระป๋อง ต่อจำนวนประชากรโลก 1 คน


การวิเคราะห์ PEST Analysis ธุรกิจ ร้านกาแฟ หลัง โควิด 19 ในไทย

ตัวอย่างการวิเคราะห์ STP : HMPRO

การวิเคราะห์ STP มาม่า

 


 

Social-Cultural สังคมวัฒนธรรม

Red Bull เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในแง่ของกิจกรรมเช่นกัน โซเชียลมีเดียที่เกี่ยวข้องเช่นเดียวกับเรียลไทม์ พวกเขาเกี่ยวข้องกับการแข่งขัน Formula One ซึ่งพวกเขาเข้าร่วมการแข่งขันประจำปี พวกเขายังได้ไปโรงเรียนดนตรี ในฟุตบอลเยอรมัน พวกเขามีทีมชื่อ แอร์เบ ไลป์ซิก ซึ่งแข่งขันมา 11 ปีแล้ว ช่อง YouTube ของตัวเองมีผู้ติดตามนับล้าน

Red Bull มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในการเป็นแบรนด์ FMCG ที่ไม่ใช้สื่อรูปแบบใดเพื่อโฆษณาผลิตภัณฑ์จริงของตนอย่างหนัก พวกเขาจะทำโฆษณาหรือโพสต์รูปภาพที่นี่และที่นั่น แต่รูปแบบการตลาดหลักของพวกเขาคือการจัดงานแสดงและกิจกรรมต่างๆ หรือโดยการสร้างเนื้อหาที่น่าตื่นเต้นที่ผู้ใช้ต้องการดู

MD Mateschitz  เคยมีปัญหาเรื่องการวิจารณ์ ผู้ลี้ภัย

ในช่วงปี 2558  MD Mateschitz ผู้บริหาร ของ Red Bull เคยมีข่าวที่สร้างความไม่พอใจ กับผู้คนจำนวนมาก ด้วย ที่เขา วิจารณ์นโยบาย ผู้ลีภัย ของ เยอร์มันนี และ ออสเตรีย  เขาเคยพูดไว้ว่า ไม่ใช่ทุกคนหลอกนะที่เป็นผู้ลีภัย และ การดูและที่ดีขึ้น ควรจะทำก่อนที่ประชากรจะหลั่งไหลเข้ามา

และเขายังออกมาพูด ต่อต้านความถูกต้องทางการเมือง อีกหลายต่อหลายครั้ง ทำให้ ผู้คนต่างสับสนว่า สิ่งที่ Red Bull ออกแคมเปญ มา มันตรงกันข้าม กับ แนวความคิดของผู้บริหารของ Red Bull เท่ากับ ว่า Red Bull ไม่มีความจริงใจ

ด้วยเหตุนี้ นักดนตรีหลายคนจึงคว่ำบาตรงานดนตรีที่จัดโดย Red Bull และผู้บริโภคจำนวนมากก็ออกมาต่อต้านแบรนด์ ที่เลวร้ายกว่านั้น Mateschitz ได้เริ่มสร้างช่องบนสื่อเยอรมันที่มีเนื้อหาทางการเมืองฝ่ายขวาจำนวนมาก เขาเป็นผู้สนับสนุนทรัมป์ที่รู้จักกันดีและเขายังสนับสนุนรัฐมนตรีต่างประเทศฝ่ายขวาของออสเตรีย Sebastian Kurz จากพรรคอนุรักษ์นิยม

เลวร้ายที่สุดเมื่อผู้บริหาร 3 อันดับแรกของแผนกอเมริกาเหนือถูกไล่ออก เพราะพวกเขาตอบสนองต่อแคมเปญ Black Lives Matter ได้ไม่ดีในปี 2020 บริษัทล้มเหลวในการแสดงความสำนึกผิดต่อความโหดร้าย

ที่แย่ไปกว่านั้นคือ พนักงานบางคนกล้าพอที่จะทำให้สไลด์หลุดจากการประชุมขององค์กรซึ่งรวมถึงแผนที่โลกที่อินเดียเรียกว่า "คอลเซ็นเตอร์" ตะวันออกกลางว่า "ผู้กระทำความผิด" และแอฟริกาในฐานะ "สวนสัตว์" สัตว์มาจากที่นี่”

 

 

Technological ปัจจัยทางเทคโนโลยี ที่มีผลกระทบต่อ Red Bull

Red Bull เป็นผู้สนันบสนุนหลักสำคัญ ให้กับการวิจัย เกียวกับการแก้ปัญหาต่างๆ ด้วยเทคโนโลยี เพื่อให้เกิดความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี    และ ในปี 2018 Red Bull ได้ริเริ่มโครงการ Red Bull Basement University เพื่อ สนับสนุน เยาวชน รุ่นใหม่ๆ ทั่วโลก  ให้ หันมาสนใจ เรื่องเทคโนโลยี   โดย เยาวชน ระดับมหาวิทยาลัย ทั่วโลก ต่างเข้าร่วมการแข่งขัน นี้ และ ที่น่าประหลาดใจ คือ มี ผู้หญิง เข้ามาแสดงทักษะความสามารถทางด้าน เทคโนโลยี เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

พวกเขากำลังสร้างสรรค์และเปลี่ยนแปลงรถ Formula 1 อย่างต่อเนื่องเพื่อที่จะเป็นผู้นำในการแข่งขัน ในปี 2020 พวกเขาได้เปิดตัวรถแข่ง RBF1 Aston Martin ซึ่งขับเคลื่อนโดย Honda Technology เพื่อท้าทายผู้ยิ่งใหญ่อย่าง Mercedes Benz และ Ferrari

 

 

Legal ปัจจัยทางกฎหมาย ที่มีผลกระทบต่อ Red Bull

ปัจจัยนี้ น่าจะมีส่งผล ด้านลบ อยู่มากกับ Red Bull เพราะ ว่าหลายประเทศ เริ่ม การ ออกกฎหมายควบคุม หรือ ห้ามจำหน่าย เครื่องดืมชูกำลัง อย่างเช่นประเทศเยอรมัน มีบางรัฐของเยอรมัน ได้แบน Red Bull เพราะพบ โคเคน ในบางกระป๋อง  a few states banned

แต่ก่อนหน้านั้นในช่วงต้นปี 2000   เครื่องดื่มชูกำลัง Red Bull ก็ถูกแบนในประเทศฝรั่งเศส ด้วยสาเหตุที่ ว่า Red Bull มีส่วนประสมของ คาเฟอีนมากเกินกว่าที่กฎหมายของ ประเทศฝรั่งเศส

และ ในช่วงปี 2008  นอร์เวย์ และ เดนมาร์ก ได้ประกาศ ห้ามจำหน่าย เครื่องดื่มชูกำลัง Red Bull ด้วยเหตุผลเดียวกันกับ ประเทศฝรั่งเศส 

และ Red Bul เคยแพ้คดี ให้กับ ลูกค้าของเขา ทำให้ Red Bull ต้องสูญเสีย เงิน ไปทั้งสิ้น 13 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ ด้วยเหตุผล ของการ โฆษณาเกินจริงๆ เพราะ Red Bull ทั่วโลก ครั้งหนึ่ง Red Bull เคยออกแคมเปญ โฆษณาพร้อม สโลแกน  This drink gives you wings  หรือ เครื่องดื่ม ที่ทำให้ คุณมีปีก   คดีนี้ชนะใจ ผู้คน เพราะ มันเกิดจากคำพูดในโฆษณา ที่ต้องการจะสื่อว่า คุณดื่มแล้วจะมีพลัง เหมือนมีปีก  ผู้ฟ้องร้องไม่ได้ ฟ้องว่า มันไม่ได้มีปีก งอก ออกมาจริงๆ หรือไม่ แต่เขาฟ้องร้อง ว่า  การตลาด ของ Red Bull ใช้ เพื่อ แสดงถึง การเพิ่มพลังงาน ซึงจะไปเพิ่มประสิทธภาพ และ สมาธิให้กับผู้ที่ดื่มมัน  โดย ที่สิ่งที่ โฆษณา ออกมานั้น ไม่มีผลสนับสนุนทางวิทยาศาสตร์ รองรับ   และไม่สมารถพิสูจน์ได้

โดยสรุป คือ Red Bull ถูกฟ้อง โฆษณา ถึงประสิทธิภาพ ในการให้พลังงาน ของเครื่องดืมของตัวเอง นั้น เกินจริงไปมาก และไม่ได้ รับการรับรอง ไม่มีมาตรฐานรับรอง   ทำให้ Red bull ต้องยกเลิก สโลแกน ดังกล่าว และ เลิก ใช้ สโลกแนนี้ มาตั้งแต่นั้น

 

 

Environment ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมที่มีผลกระทบต่อ Red bull

Red Bull เป็นบริษัทเอกชน ที่ไม่ได้ จดทะเบียน ในตลาดหลักทรัพย์ ประเทศไหนเลย คือ พวกเขาไม่ใช่บริษัท มหาชน ดังนั้นแล้ว พวกเขาไม่จำเป็นต้องเปิดเผย รายงานด้านใดๆ ให้กับ องค์กรณ์ใดๆ โดยเฉพาะ รายงาน ด้าน CSR ของ องค์กรณ์

อย่างไรก็ตาม แบรนด์ ยังคงให้ความระมัดระวัง ต่อกิจกกรรมต่างๆ ที่จะส่งผลกับ สิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด และแบรนดั ดังอย่าง Red Bull ยังให้การสนับสนุนการ การส่งเสริม ความยั่งยืน ของสิ่งแวดล้อม  Red bull มักจะเคลมว่า กระป๋อง ของพวกเขา ทำจาก อลูมิเนียม ที่ สามารถรีไซเคิล ได้ 100%

พวกเขายังพยายามลดมลพิษในการขนส่งโดยใช้สิ่งที่พวกเขาเรียกว่าการดำนเนินการแบบ "ผนังต่อผนัง Wall To Wall "  ซึ่งหมายความว่าพวกเขาผลิตและเติมกระป๋องที่สถานที่ผลิตหลักในออสเตรียและสวิตเซอร์แลนด์จากที่ที่พวกเขาถูกขนส่งไปยังท่าเรือที่ใกล้ที่สุดเพื่อจัดส่ง ไปทั่วโลก. วิธีนี้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและช่วยประหยัด CO2 ได้มาก

กระทิงแดงยังได้พัฒนามูลนิธิ “ปีกเพื่อชีวิต Wings for life” ซึ่งเป็นศูนย์วิจัยสำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บที่ไขสันหลัง พวกเขาลงทุนในการวิจัยที่นี่เพื่อค้นหาวิธีรักษาที่เป็นไปได้ พวกเขายังระดมเงินสำหรับโครงการนี้โดยอนุญาตให้ผู้คนมีส่วนร่วมในการวิ่งและการแข่งขันโดยที่เงินทั้งหมดที่ใช้ไปจะถูกส่งไปยังศูนย์วิจัย

Red Bull คะแนน 76% ในกิจกรรม CSR ของพวกเขาจาก 100 ที่เป็นไปได้ การจัดอันดับนี้จัดทำโดยแหล่งข้อมูลกิจกรรม CSR ชั้นนำของโลก เช่น นักวิเคราะห์ ESG ฝูงชน รัฐบาล สิ่งพิมพ์ & และข้อมูลที่ไม่แสวงหาผลกำไร

 


สรุป PESTLE Analysis Red Bull

หากมองย้อนไปการวิเคราะห์ แต่ละปัจจัย หลายๆ ปัจจัย ยังคงส่งผลทางบวก ต่อแบรนด์ ชั้นนำระดับ โลก จะยังคง ฟันฟ่า วิกฤติมากมาย ทั้งวิกฤติศรัทธา และ กระแส เทรนด์ การรักสุขภาพ แต่ ในอนาคต ที่หน้าเป็นห่วง หากมีจำนวนประเทศมากขึ้น ที่จะเริ่มบังคับใช้กฎหมาย ห้ามจำหน่าย เครื่องดื่มชูกำลัง เพราะ ด้วยเหตุ ผลที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ ของ พลเมืองในประเทศนั้นๆ

แต่ด้วยความแข่งแกร่ง ของแบรนด์ น่าจะทำให้ Red Bull จะยังคงเติบโตในตลาดโลกต่อไปได้อีกนาน

หรือคุณคิดเห็นอย่างไร ลองแขร์กันดู

 
เครดติด ที่มา https://pestleanalysis.com/red-bull-pestle-analysis/

 

Marketing Knowledge