Back to the Future นำเราย้อนเวลาไปในวัยเยาว์ รีวิวในปี 2020

Back to The Future เข้าฉายครั้งแรกในปี 1985 หรือ ปี พ.ศ. 2528 น้องๆหลายๆคนยังไม่เกิด และ ช่วงนั้น ผมก็ไม่ได้ ดูในโรงภาพยนตร์ รอชมทาง Big Cinema ช่อง 7 มาดึกๆ คืนวันศุกร์ หนังก็ถูกตัดไปเยอะ แต่ก็ยังคงความสนุก  วันนี้ Netflix นำกลับมาให้ ได้ชม กันใหม่ ทีเดียวครบ 3 ภาค บอกเลยว่า ภาพยนตร์ ของ สปีลเบอร์ก เรื่องนี้ แม้จะเป็นหนังเก่า กว่า 30 ปี แต่ไม่เคยหมดความสนุกไปเลยจริงๆ

Back to the Future I   (1985) (2528)
Back to the Future II  (1989)
Back to The Future III (1990)


ผมมีโอกาสได้ย้อนดู ทีเดียว 3 ภาครวด ภาพยนตร์เรื่องนี้ เป็นเรื่องราวที่เหมาะกับ เด็ก ในการสร้างจินตนาการและ ความคิดสร้างสรรค์

สิ่งแรกเลยที่นึกถึง คือชื่อ ไทย ของหนังเรื่องนี้ ชื่อว่า ย้อนเวลาหาอดีต  อันนี้ โคตรผิดทิศผิดทาง ของหนังอย่างมากเลยนะ ..

ทำไมนะเหรอ หนังแปลอังกฤษไปไทยอย่างตรงไปตรงมา Back To The Futre คือการหาทางกลับสู่อนาคต ไม่ใช่หาทางไปอดีต คือ เปิดมา แม็คฟลาย กับ ด็อต ก็มีเครื่อง ไทม์แมชชีิน ย้อนเวลาอยู่แล้ว แต่ปัญหาคือ แม็คฟลายเดินทางคนเดียว แล้วเครื่องพัง เขาจะกลับสู่ โลกปัจจุบันของเขาอย่างไร

เขาต้องดิ้นรน หาทางกลับไปสู่โลกปัจจุบัน ที่เขามาให้ได้ นี่ต้องหาก เป็นแก่นหนัง ที่คนทำหนังอยากให้เรา คิดว่า เราควรจะเข้าไปวุ่นวายกับ อดีตของเราแค่ไหน

ภาคแรก

 

เปิดเรื่องมา ด็อต นักวิทยาศาสตร์ สติเฟื่อง  เอา เครื่อง ไทม์แมชชีน มาอวด แม็คฟลาย แต่ ด็อต กับถูก แก็ง อันธพาล ยิง จนเสียชีวิต แม็คฟลาย เลยพยายามหนี ด้วยเครื่อง ไทม์แมชชีน แล้วกดย้อนเวลาไป ในยุคก่อนเขาเกิด

แน่นอนเขาไปในยุคนั้น เขารู้ดีกว่า วัยรุ่นยุคนั้นหลายเรื่อง เขาจึงกลายเป็นคนเด่น คนดัง และได้ไปรู้เรื่องราว บางเรื่อง ของพ่อกับแม่ ที่เขาไม่ควรเข้าไปแทรก จนวุ่นวายทำให้อนาคต กำลังจะเปลีียน และอาจจะทำให้ เขาไมได้เกิด ก็เป็นได้

ในที่สุด มาร์ตี้ แม็คฟลาย ก็แก้ปัญหาทุกอย่างได้ และ เดินทางกลับมายุคปัจจุบัน หรือ อนาคต ของพ่อแม่เขานั่นเอง

และเมื่อเขากลับมาได้ เขาก็ช่วย ด๊อต ให้รอดพ้นจากการถูกฆ่าไปได้

ภาค สอง



หนังเดินเรื่อง ต่อจากภาคแรก จอน แม็คฟลาย กลับมาจากอดีต  ยังไม่ทัน ได้ เข้าบ้านเลย ด็อด ก็โผล่อมา ด้วยเครื่องไทม์แมชชีน และบอกว่า อนาคต ของลูกของ แม็คฟลาย จะมีปัญหาติดคุก

เขาทั้งสอง จึงร่วมเดินทางกันไป ในอนาคต ในปี 2015  โลกในปี 2015 ของ สตีเว่น สปีเบิก คือ รถ เหาะได้แล้ว และบ้าน ทุกหลัง เป็น Smart House  แม้จะเป็นการทำนายของ สตีเว่นทียังไม่ถูกต้องทั้งหมด แต่เราก็เริ่มี โดรน ที่เหาะได้ และ เริ่มมีการพัฒนา รถเหาะได้กันมากขึ้นแล้วนะ..

ในขณะที่ แม็คฟลาย สะสาง ปัญหาให้ลูกชายในอนาคตของเขานั้น บิฟ ตัวร้ายจากภาคแรก ก็มาขโมย ไทม์แมชีน ไปเปลี่ยน อดีต ในช่วงปี 1955 จนเละเทะวุ่นวาย

หนังภาคนี้ นำเสนอว่า ถ้าเราสามารถรู้ผลการแข่งขันกีฬา หรือ ผลหวยล่วงหน้าได้ เป็น สิบๆ ปี เราคงจะรวยเละ

ภารกิจที่สองของ มาร์ตี้ แม็คฟลาย  ในภาคที่สอง คือ ต้องย้อนกลับไป ในปี 1955 ที่เขาเพิ่งกลับมาอีกครั้ง เพื่อ ไปแก้ไข ไปเอาหนังสือ จากทำนายผลกีฬา จากบิฟ กลับคืนมา.. เพื่อให้ทุกสิ่งอย่างได้กลับคืนสู่สภาพเดิม โดยต้องไม่ให้ ไปเจอกับตัวเขาเองในช่วงปี 1955 ด้วยเช่นกัน..

วุ่นวายดีแท้

แต่ในขณะที่ภารกิจเสร็จสิ้น ในวันสำคัญที่ มาร์ตี้ แม็คฟลาย จากภาคแรก กำลังเดินทางกลับจาก ปี 1955 ไปสู่ปี 1985  นั้น ก็เป็นช่วงเดียวกันที่ มาร์ตี้ จากภาค 2 ก็กำลังจะเดินทางกลับพร้อมกับด็อต นักวิทยาศาสตร์ สติเฟื่อง เกิดเหตุ ฟ้าผ่า ใส่รถ ด็อต หลุดไป ยุคคาวบอย ทำให้มาร์ตี ภาค 2 นี้ต้องติดอยู่ใน ปี 1955 แต่ ด็อด ส่งจดหมายผ่าน Western Unioun (อันนี้ขายของแน่นอน)

โดย ดอ็อต บอกว่าเขาติดอยู่ในยุคคาวบอยตะวันตก และ ได้ฝากจดหมายนี้ไว้ 70 ปี เพื่อให้ มาร์ตี้ นำรถไทม์แมชชีน ที่เขาซ่อนไว้ ไปซ่อมแล้วเดินทางกลับ แต่ไม่ต้องมาช่วยเขา เพราะ เขาชอบ ยุคคาวบอย ติดใจ ช่วงเวลาที่ไม่มี เทคโนโลยี่ อยากอยู่อย่างนี้ไปตลอด..

ภาค สาม



มาร์ตี้ มาหาดอรตยุคปี 1955 ขอความช่วยเหลืออีกครั้ง และ เห็นว่า ยุค คาวบอย ดอรจะตาย เพราะถูกยิง เขาเลย ซ่อมเครื่องย้อนเวลา และไปยุคคาวบอย


เรื่องราว ภาคนี้ ก็สนุกๆ ไปตาม คาวบอย สติไม่สมประกอบ แต่ก็ยังคงสนุกสนานวุ่นวาย ไปตามเรื่อง


แนะนำใครยังไม่ได้ดู ดูไล่ไปทั้ง 3 ภาค เพราะทั้ง สามภาค มีความต่อเนื่องกัน อย่างที่สุด


ใครๆ ก็อยากมีเครื่องไทม์แมชีน ไปเตือน ตัวเองในอดีตว่าอย่าทำผิด หรือไปบอกตัวเอง ในอดีตว่าเราควรจะซื้อหวยเลขอะไร ตัวเราในปัจจุบัน จะได้กลายเป็นคนรวย

Money Banner

พื้นที่ โฆษณา