10 หนังโรแมนติกบน Netflix ที่คุณอาจสนใจ:

10 หนังโรแมนติกบน Netflix ที่คุณอาจสนใจ:

 10 หนังโรแมนติกบน Netflix ที่คุณอาจสนใจ: สามารถหาดู ได้ใน Netflix

 

 

นี่คือ 10 หนังโรแมนติกบน Netflix ที่คุณอาจสนใจ:

 

1. "The Notebook"

- หนึ่งในหนังโรแมนติกที่เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย เล่าเรื่องราวของคู่รักที่พบกันอีกครั้งหลังจากการแยกย้ายและเจอกับอุปสรรคในความรัก

2. "La La Land"

- เป็นหนังเพลงโรแมนติกที่เล่าเรื่องราวของนักแสดงหญิงและนักดนตรีชายที่พบกันในซิตี้ของฮอลลีวูด และตามหารอยหาความฝันและความรักของตน

3. "Pride and Prejudice"

- เรื่องราวความรักที่เกิดขึ้นในยุคเอ็นกลิช ระหว่างเอลิซและเองฉลาม และการต่อสู้กับอุปสรรคทางสังคมและความคิดเห็นของผู้คน

4. "Silver Linings Playbook"

- เป็นเรื่องราวของสองคนที่มีปัญหาทางจิตใจและพยายามกลับคืนความปกติ ผ่านความรักที่กำลังจะเกิดขึ้น

5. "Eternal Sunshine of the Spotless Mind"

- เล่าเรื่องราวของคู่รักที่ลบความทรงจำเกี่ยวกับกันและกันเพื่อลืมถึงกัน แต่พบว่าความรักของพวกเขาไม่สามารถลบได้ง่ายแค่นั้น

6. "The Fault in Our Stars"

- นำเสนอเรื่องราวของสองวัยรุ่นที่มีโรคมะเร็งและพบกันในกลุ่มสนับสนุนผู้ป่วย เมื่อพวกเขาพบความรักกันและต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายของโรค

7. "500 Days of Summer"

- เล่าเรื่องราวของชายหนุ่มที่หลงรักในผู้หญิงที่เขาคิดว่าเป็นรักแท้ แต่ความรักของพวกเขาไม่ได้เป็นไปตามที่เขาคาดหวัง

8. "Before Sunrise"

- เป็นภาคแรกของซีรีส์หนัง "Before" ที่เล่าเรื่องราวของคู่รักที่พบกันบนรถไฟและท่องเที่ยวเมืองวันนั้น โดยมีเวลาจำกัดในการใช้เวลาด้วยกัน

9. "A Walk to Remember"

- เล่าเรื่องราวของเด็กชายหนุ่มที่เข้าสังคมความรักกับสาวน้อยที่มีโรคมะเร็ง ซึ่งความรักของพวกเขาทำให้เปลี่ยนแปลงและเติบโต

10 "The Time Traveler's Wife"

- เล่าเรื่องราวของชายที่สามารถเดินทางย้อนเวลาได้ และความรักของเขากับผู้หญิงที่พบกันในช่วงเวลาต่างๆ

หมายเหตุ: การส่งภาพยนตร์บน Netflix อาจมีการเปลี่ยนแปลงในขณะนี้ โปรดตรวจสอบในเว็บไซต์หรือแอป Netflix เพื่อยืนยันว่าหนังที่คุณสนใจยังมีอยู่ในคลังภาพยนตร์ของพวกเขา


แนะนำหนังสือ นิยาย รัก โรแมนติก ภาษาอังกฤษ สาย อิโรติก

5 ภาพยนต์ ที่ สร้างแรงบันดาล ให้คุณ ไม่ยอมแพ้ ต่ออุปสรรค ชีวิต

หนังสือ นิยายขายดี ที่กำลัง จะกลายเป็น ภาพยนต์ ฮอลลีวูด ในปี 2022


"The Notebook" เป็นภาพยนตร์โรแมนติกที่ออกฉายในปี 2004

โดยความเป็นภาพยนตร์ของนิยายชื่อเดียวกันของนักเขียน Nicholas Sparks ซึ่งได้รับความนิยมและชื่นชอบอย่างกว้างขวาง. ภาพยนตร์นี้กล่าวถึงเรื่องราวของการเชิดชูเกียติ ทหารชาวอเมริกันอีกมากมายอย่างไร้ที่ติ.

เรื่องราวเริ่มต้นด้วยการนำเราเข้าสู่เรื่องราวของคู่รักอันน่ารัก อย่างอลวนอลวน และหวานหวาน ที่มีชื่อว่า โอลด และ แอลลี่. เราได้พบกับพวกเขาครั้งแรกเมื่อคู่รักหนุ่มสาวนี้ยังเป็นวัยรุ่น โอลด เป็นหนุ่มทหารที่อยู่ล้อมรอบด้วยภัยคุกคามแห่งสงครามโลกครั้งที่สอง และแอลลี่เป็นสาวน้อยที่มีความฝันที่จะกลายเป็นนักเขียนและมีชีวิตที่อิสระ.

แม้จะมีสถานการณ์ที่ภัยคุกคามและข้อจำกัดทางสังคมกว่าพอที่จะกั้นกำลังใจของพวกเขา โอลดและแอลลี่ก็พบว่าความรักของพวกเขาไม่สามารถสัมผัสและจดจำได้โดยง่าย แต่พวกเขาไม่เคยละเลยในการต่อสู้เพื่อเป็นรอยยิ้มและความอบอุ่นให้กับกันและกัน.

เรื่องราวของ "The Notebook" เป็นการผจญภัยทางอารมณ์ที่เรียกผู้ชมให้สัมผัสความรักที่แท้จริงและความเชื่อมั่นในความรัก ภาพยนตร์นี้ถือเป็นหนึ่งในภาพยนตร์โรแมนติกที่ได้รับความนิยมและรักษาสถานะเป็นหนังโรแมนติกเชิงคลาสสิกไว้ในหัวใจของผู้คนหลายคน.

หากคุณหลงใหลในเรื่องราวของความรักและการเคลื่อนไหวอารมณ์ คุณอาจต้องพิจารณาดู "The Notebook" เพื่อสัมผัสความอบอุ่นและอารมณ์ที่ตื่นเต้นของเรื่องราวนี้ได้เอง.

 

"La La Land" เป็นภาพยนตร์เพลงโรแมนติกที่ออกฉายในปี 2016

ที่กวาดรางวัลและได้รับความชื่นชอบอย่างกว้างขวางจากผู้ชมทั่วโลก. ภาพยนตร์นี้เป็นผลงานของผู้กำกับและบทประพันธ์ของดามิเอล เชเซล เอาชนะทุกคนในแคสต์และครีวิตของบนสนามเด็กเอราวัณเอช่วงหนึ่ง.

"La La Land" เล่าเรื่องราวของมีอาชีพแห่งสัญชาตญาณของเอมม่า สวนสูงในบทของอีมม่า สัญชาตญาณของชายหนุ่มแห่งศิลปะเปียโน แฟลช บนฮอลลีวูด เมื่อเขาพบกันในการแสดงบนถนน. เรื่องราวเดินทางไปยังความสำเร็จและความรักของพวกเขาเป็นฟันธงและเรียกผู้ชมให้สนุกสนานและร้อนรักไปพร้อมกับเสียงเพลงและการแสดงแสงสีที่สุดสาย.

แม้ว่าพวกเขาจะต้องเผชิญกับอุปสรรคและความล้มเหลวในการตามหาความฝันของพวกเขา ความรักและความหวังที่มีอยู่ใน "La La Land" จะนำพวกเขาไปสู่รูปแบบของความสำเร็จและความรักที่หวานหวาน.

นอกจากนี้ เรื่องราวของ "La La Land" ยังมีฉากเมืองลอสแองเจลิสที่งดงามและสีสัน และเนื้อหาที่เน้นในความเชื่อมโยงของศิลป

ะและความเป็นไปได้ที่ไม่จำเป็นต้องเสียสละความฝันเพื่อสร้างความสำเร็จทางส่วนตัว.

"La La Land" เป็นภาพยนตร์ที่ผสมผสานความรักของภาพยนตร์ดังกล่าว การแสดงที่ยอดเยี่ยม และเพลงที่สนุกสนานและหวานหวาน ซึ่งทำให้เป็นหนังที่มีความเป็นเอกลักษณ์และยังคงได้รับความนิยมจนถึงปัจจุบัน.

 

"Pride and Prejudice" เป็นภาพยนตร์ที่เสนอเรื่องราวเรื่องเล่าของนักเขียนนางเอก เจน ออสเต็น

ที่เป็นหนึ่งในผลงานที่สำคัญและโด่งดังที่สุดของเธอ นอกจากนี้ยังมีการนำเสนอในรูปแบบหนัง ซึ่งมีหลายเวอร์ชันและสร้างความนิยมกว้างขวาง.

เรื่องราวเกิดขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 18 และเล่าเรื่องราวของระดับสังคมสูงในอังกฤษ โดยเฉพาะกลุ่มหญิงสาวในครอบครัวเบนเน็ต ที่ต้องพบกับภาวะเหน็ดเหนื่อยของการต้องการหาคู่สมรสในชั่วโมงที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว และเจาะลึกเกี่ยวกับเรื่องราวของความฉลาด ความคิดเห็น และความรู้สึกที่สอดคล้องกับชีวิตราชวงศักราชที่ผ่านมา.

ภาพยนตร์ "Pride and Prejudice" ได้รับความรักจากผู้ชมสูงสุดเพราะความสวยงามและความเป็นเอกลักษณ์ของเรื่องราว โดยเฉพาะการแสดงที่ยอดเยี่ยมของนักแสดง และสไตล์ทางภาพที่ยังคงมีอิทธิพลและเป็นเอกลักษณ์อย่างเต็มที่. ถ้าคุณชื่นชอบเรื่องราวโรแมนติกที่มีฉากความรู้สึกอ่อนไหวและความสนใจในชีวิตสังคมของยุคนั้น "Pride and Prejudice" จะเป็นภาพยนตร์ที่ไม่ควรพลาด.

 

"Silver Linings Playbook" เป็นภาพยนตร์ที่ออกฉายในปี 2012

และได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้ชมและวงการภาพยนตร์ ภาพยนตร์นี้ถือเป็นผลงานของนักกำกับดีวิด เอ็น. รัสเซล (David O. Russell) และมีการแสดงของนักแสดงที่นำโดยบราดลีย์ คูเปอร์ (Bradley Cooper) และเจนิเฟอร์ ลอเรนซ์ (Jennifer Lawrence) ที่ได้รับความชื่นชอบและการยกย่องอย่างมาก.

เรื่องราวของ "Silver Linings Playbook" เกี่ยวกับชายหนุ่มชื่อพัททาย (Pat) ที่กำลังพยายามกลับมาสู่ชีวิตปกติหลังจากถูกตัดสินใจให้รักษาในสถานพยาบาลจิตเวช ในระหว่างการกลับมาสู่ชีวิตปกติของเขา เขาพบกับที่รักเก่าที่มีปัญหาในตัวเอง ที่ชื่อทิฟฟานี (Tiffany) และพวกเขาเริ่มต้นการเจริญเติบโตพร้อมกันผ่านการทำงานร่วมกันในการแข่งขันเต้นรำ.

"Silver Linings Playbook" เป็นภาพยนตร์ที่ผสมผสานความสนุกสนานและอารมณ์ที่ลึกซึ้ง โดยการนำเสนอเรื่องราวของคนที่มีปัญหาทางจิตเวชในแง่ของความเป็นมนุษย์และความรัก. นอกจากนี้ ภาพยนตร์ยังเน้นการสร้างตัวละครที่มีความซับซ้อนและมีอารมณ์ที่สัมผัสได้อย่างเป็นธรรมชาติ.

"Silver Linings Playbook" ได้รับ ความรักจากผู้ชมและรางวัลต่างๆ รวมถึงการเสนอชื่อในหลายประเภทในงานอวอร์ด ภาพยนตร์นี้จะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ชมที่ต้องการรับชมเรื่องราวที่ร่าเริงและให้ความหวังในชีวิตอย่างมีอารมณ์

"Eternal Sunshine of the Spotless Mind"

เป็นภาพยนตร์ที่ออกฉายในปี 2004 และถือเป็นผลงานที่นำแสดงของกำกับชื่อดังชาร์ลี คอฟแมน (Charlie Kaufman) ที่ได้รับความชื่นชอบและการยกย่องอย่างมากจากผู้ชมและวงการภาพยนตร์.

เรื่องราวของ "Eternal Sunshine of the Spotless Mind" มีการเล่าในรูปแบบไม่เชิงเส้น และมีฉากความจริงและความฝันผสมกันอย่างลงตัว หนังเรื่องนี้เล่าเรื่องราวของโจล (Joel) และเคเทอริน (Clementine) ที่ตัดสินใจใช้บริการเทคโนโลยีใหม่ที่สามารถลบความทรงจำเกี่ยวกับกันออกไป แต่เมื่อโจลตระหนักถึงความหมายและความสำคัญของความรักที่เคยมีกับเคเทอริน เขาพยายามหาทางเข้าถึงความทรงจำและคืนความรักของเขาได้อีกครั้ง.

"อีเทอร์นัล ซันไชน์ ออฟ เดอะ สปอตเลส ไมนด์" มีเนื้อเรื่องที่น่าตื่นเต้นและลึกซึ้ง โดยเน้นการสร้างตัวละครที่น่าเสียดายและมีความอ่อนไหว การแสดงของนักแสดงที่นำเสนอโดยจิม คาร์เรย์ (Jim Carrey) และเคท วินส์เล็ต (Kate Winslet) ยังถือเป็นที่พิสูจน์ว่าพวกเขาเป็นนักแสดงที่ทันสมัยและสามารถเลือกบทบาทที่หลากหลายได้อย่างดี.

"อีเทอร์นัล ซันไชน์ ออฟ เดอะ สปอตเลส ไมน์" เป็นภาพยนตร์ที่ยอดเยี่ยมทั้งในด้านการสร้างสรรค์เรื่องราว การสร้างภาพและการแสดงที่น่าทึ่ง และมอบประสบการณ์ที่มีความหมายและสะท้อนถึงความเป็นมนุษย์ให้กับผู้ชม

"The Fault in Our Stars" เป็นภาพยนตร์ที่ออกฉายในปี 2014

ซึ่งเป็นการดัดแปลงจากนวนิยายชื่อเดียวกันของนักเขียนจอห์น กรีน (John Green) ที่ได้รับความนิยมและความชื่นชอบอย่างกว้างขวาง.

เรื่องราวของ "The Fault in Our Stars" เกี่ยวกับเฮเซล (Hazel) ที่เป็นเด็กสาวที่มีโรคมะเร็งในสมอง และองค์กร Make-A-Wish Foundation ได้ทำให้เธอได้พบกับเอ็น (Gus) หนุ่มหนุ่มที่ผ่านการรักษามะเร็งไปแล้ว พวกเขาเริ่มสร้างความสัมพันธ์และมีชีวิตที่มีความหมายต่อกัน แม้ว่าสถานการณ์ของพวกเขาจะซับซ้อนและมีการพิชิตความยากลำบาก แต่พวกเขาพบความรักและความหมายในชีวิตกันอย่างอ่อนโยนและเต็มเปี่ยมไปด้วยความอ่อนไหว.

"The Fault in Our Stars" เป็นภาพยนตร์ที่นำเสนอเรื่องราวที่อ่อนโยนและเต็มไปด้วยอารมณ์ มันได้รับความชื่นชอบเป็นอย่างมากจากผู้ชมเนื่องจากการสร้างตัวละครที่น่าหลงใหลและฉายาที่จะไม่ลืมได้ การแสดงของนักแสดงโดยเฉพาะเดวิด ทีเน็นต์ (Shailene Woodley) และอนเซล เอลโกตี้ (Ansel Elgort) ก็ได้รับการยกย่องอย่างสูงจากผู้ชมและวงการภาพยนตร์.

"The Fault in Our Stars" ถือเป็นภาพยนตร์ที่สร้างความรู้สึกและกลับมานึกถึงความหมายของชีวิตและความรัก โดยสร้างประสบการณ์ที่จะทำให้ผู้ชมต้องคิดและรู้สึกอย่างลึกซึ้ง

 

"500 Days of Summer"

เป็นภาพยนตร์ที่ออกฉายในปี 2009 และเป็นผลงานของกำกับและนักเขียนบทชื่อมืออาชีพ มาร์ค เว็บ (Marc Webb) และสค็อตต์เรื่องโดย สก็อตต์ นีโซด่า (Scott Neustadter) และไมเคิล เฮ ว็อลเ็น (Michael H. Weber) ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับความนิยมและความชื่นชอบจากผู้ชมด้วยความเป็นเรื่องราวที่แตกต่างจากเรื่องราวความรักทั่วไป.

เรื่องราวของ "500 Days of Summer" เล่าถึงการรักของโตม (Tom) และซัมเมอร์ (Summer) ซึ่งเรื่องราวนี้ไม่ได้เล่าเป็นลำดับเรื่องราวตามช่วงเวลา แต่จะเล่าตามลำดับเหตุการณ์และอารมณ์ของตัวละคร ภาพยนตร์เน้นที่การแสดงของตัวละคร การเล่าเรื่องในแบบที่ผสมผสานระหว่างความเป็นจริงและความฝัน และการสื่อถึงความรู้สึกทางอารมณ์ของตัวละครในเรื่องราวของความรักที่ไม่สมดุลย์

"500 Days of Summer" ถือเป็นภาพยนตร์ที่ได้รับการยกย่องอย่างสูงจากวงการภาพยนตร์ ด้วยการสร้างเรื่องราวที่แสดงถึงความฟินและความเป็นไปได้ของความรักในช่วงวัยหนุ่มสาวอย่างเป็นธรรมชาติ และสร้างความเกี่ยวข้องและความรู้สึกกับผู้ชมในลักษณะที่เป็นเรื่องสำคัญ นอกจากนี้ ภาพยนตร์ยังมีการสร้างฉากและบทสนทนาที่คล้ายคลึงกับสถานการณ์และความรู้สึกของผู้ชมอย่างไร้เดียงสา

 

"Before Sunrise" เป็นภาพยนตร์ที่ออกฉายครั้งแรกในปี 1995

ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของซีรีส์ภาพยนตร์ "Before" ที่สร้างขึ้นโดยกำกับและเขียนบทโดยริชาร์ด ลิงแกทเตอร์ (Richard Linklater) และเรื่องนี้ได้รับความนิยมและความชื่นชอบอย่างกว้างขวางจากผู้ชมและวงการภาพยนตร์.

เรื่องราวของ "Before Sunrise" เล่าถึงการพบกันครั้งแรกของเจสส์ (Jesse) และซีลีน (Celine) สองคนที่มาพบกันบนรถไฟที่เดินทางไปยังเมืองวิเศษได้ในวันนั้น พวกเขาตัดสินใจที่จะพบกันและใช้เวลากับกันในเมืองวิเศษนี้ ระหว่างการเดินเล่นทั้งคู่ พวกเขาเริ่มสนทนากันเกี่ยวกับชีวิต ความฝัน ความรัก และสิ่งที่สำคัญในชีวิตของพวกเขา มันเป็นการพูดคุยที่ลึกซึ้งและเปิดเผยถึงอารมณ์และความเชื่อของพวกเขา และทั้งคู่ตระหนักถึงความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขาเรื่องราวของ "Before Sunrise" นำเสนอเรื่องราวความหวังและความยั่งยืนในความรักและการเชื่อมโยงทางอารมณ์ระหว่างสองคน.

"Before Sunrise" เป็นภาพยนตร์ที่แสดงความอ่อนไหวและลึกซึ้ง มันเน้นที่การพูดคุยและส

ร้างความสัมพันธ์ระหว่างตัวละคร ผู้ชมจะได้รับความเป็นส่วนตัวในการเข้าถึงความคิดและอารมณ์ของตัวละคร ซึ่งสร้างความพึงพอใจและความหวังในความรักและการเชื่อมโยงระหว่างบุคคล.

 

"A Walk to Remember"

เป็นภาพยนตร์ที่ออกฉายครั้งแรกในปี 2002 ซึ่งเป็นการดัดแปลงจากนวนิยายชื่อเดียวกันของนิคอลัส สพาร์กส์ (Nicholas Sparks) และเป็นผลงานของกำกับและนักเขียนบทชื่อมืออาชีพ อดัม ชันค์ (Adam Shankman) ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับความนิยมและความชื่นชอบอย่างกว้างขวางจากผู้ชมและวงการภาพยนตร์.

เรื่องราวของ "A Walk to Remember" เล่าถึงการพบกันครั้งแรกของลันดัน (Landon) และเจมส์ (Jamie) สองคนที่มีบุคลิกภาพและวิถีชีวิตที่แตกต่างกัน ภาพยนตร์นำเสนอเรื่องราวความรักที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขา ซึ่งมีองค์ประกอบของความสัมพันธ์ที่เต็มไปด้วยความอ่อนไหว ความหวัง และความเชื่อ พวกเขาเริ่มมีความรู้สึกต่อกันเพิ่มขึ้นและค้นพบความหมายแห่งความรักที่แท้จริง

"A Walk to Remember" เป็นภาพยนตร์ที่เน้นการสร้างความรู้สึกและการเปิดเผยเรื่องราวทางอารมณ์ มันสร้างความฟินและความรู้สึกของผู้ชมในแง่ของความรักที่เป็นไปได้และการเติบโตของตัวละคร ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้กลายเป็นที่สำคัญในวงการภาพยนตร์โรแมนติก และยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้ชมในเรื่องราวเกี่ยวกับความรักและความอุดมสมบูรณ์ของชีวิต.

"The Time Traveler's Wife"

เป็นภาพยนตร์ที่ออกฉายครั้งแรกในปี 2009 ซึ่งเป็นการดัดแปลงจากนวนิยายชื่อเดียวกันของ ออดรี นิฟเฟเนกเกอร์ (Audrey Niffenegger) และกำกับโดย โรเบิร์ต ชวน (Robert Schwentke) ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับความนิยมและความชื่นชอบจากผู้ชมและวงการภาพยนตร์.

เรื่องราวของ "The Time Traveler's Wife" เล่าถึงการพบกันของเฮนรี (Henry) ผู้ที่มีความสามารถในการเดินทางอนาคตและคลายเวลา และคลเรริ่มเวลา (Clare) ผู้หญิงที่เข้าถึงความรู้สึกกับเฮนรีตั้งแต่เฮนรียังเป็นเด็ก ภาพยนตร์นำเสนอเรื่องราวความรักที่ไปพร้อมกับการเดินทางข้ามเวลาและท้าทายของเฮนรีในการรักษาความสัมพันธ์ของพวกเขา

"The Time Traveler's Wife" เป็นภาพยนตร์ที่สร้างความผูกพันและเอาใจใส่ในรายละเอียดของการเดินทางข้ามเวลา มันสร้างความรู้สึกของผู้ชมในแง่ของความสัมพันธ์ที่ทนทานและเป็นทางเลือก ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้สร้างมิติใหม่ให้กับเรื่องราวเกี่ยวกับความรักและสิ่งที่เรียกว่า "เวลา" และส่งเสริมให้ผู้ชมสัมผัสถึงความอ่อนไหวและความซื่อสัตย์ของความรักที่เกิดขึ้นระหว่างตัวละคร ภาพยนตร์นี้ได้รับความนิยมในวงการภาพยนตร์โรแมนติกและผู้ชมทั่วไปเช่นกัน.

.......

ภาพยนต์รักโรแมนติกเหล่านี้ เป็นเพียงส่วนหนึง ทีเราคิดว่าคุณผู้อ่านอาจจะสนใจ เหมาะสำหรับ คอภาพยนต์ แนวรักหวานๆ ซึ้งๆ เรียกน้ำตา หลายเรื่องเป็นรักที่ต้องสูญเสียและจากลา  ดูครบทุกเรื่องหรือยัง ลองมาแชร์กันได้ในคอมเม็นนะ 

 

 

 

 

 

 

 

Money Banner

พื้นที่ โฆษณา