5 นิสัยที่ ผู้นำ ควรหลีกเลียง ทั้งผู้นำองค์กรณ์ ผู้นำภาครัฐ ภาคเอกชน หรือ บุคคลทั่วไป ก็ควรต้องหลีก เลี่ยง นิสัย เหล่านี้ ถ้าต้องการ ก้าวสู้ความสำเร็จ ในวันข้างหน้า 

 ไม่ว่าจะเป็น CEO หรือเป็น แค่ผู้นำทีม นอกจาก Leadership จะต้องมี Skills ต่างๆ ที่จำเป็นในการเป็นผู้นำ  แล้วผู้นำ ยังคงต้องหมั่นสำรวจ ตัวเองไม่ให้ทำผิดพลาด หรือทำบางสิ่งบางอย่างจนกลายเป็นนิสัย ที่ไม่ดี ที่นำมาสู่หนทางแห่งความหายนะของทีม หรือ องค์กรณ์   

5 นิสัยที่ผู้นำควรหลีกเลียง  5 Habits Every CEO Should Avoid

1.  กำหนดเป้าหมายกลยุทธ์ เยอะเกินไป
2. พยายามทำทุกอย่างด้วยตนเอง
3. กำจัดคนที่ไม่เห็นด้วย
4. รักษาการจ้างงาน ที่ไม่ดี
5. ให้ความสำคัญ กับ คู่แข่ง และ เรื่องราวในอดีตมากเกินไป

ผู้นำ กำหนดเป้าหมายกลยุทธ์ (Strategic) เยอะเกินไป  

ในฐานะ Leadership ไม่ว่าจะเป็น CEO หรือ ผู้ประกอบการ หน้าที่สำคัญ คือการ กำหนดเป้าหมาย กลยุทธ์ หรือ Strategic เพื่อ นำองค์กรไปสู่ความสำเร็จ หรือเพื่อเป็นการกำหนดทิศทางว่า บริษัท หรือ องค์กรณ์ นั้นๆ จะเติบโตไปในทิศทางเช่นใด  แต่ ถ้าหาก ผู้นำ มีการกำหนดเป้าหมายที่มากเกินไป ให้กับทีมอาจจะ ส่งผลให้มีการต่อต้าน เกิดขึ้นได้   และจะรวมไปถึง การทำงานไปสู่เป้าหมายได้ยาก  นำมาซึ่ง ความสับสน ปั่นป่วน ของทีมงาน 

5 เทคนิคในการกำหนดเป้าหมาย

1. Set granular goals.กำหนดเป้าหมายที่ละเอียด

ความแตกต่างระหว่างแผนกลยุทธ์และแผนธุรกิจนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งยวดในความละเอียดอ่อน แม้ว่าแผนธุรกิจของคุณควรเป็นภาพรวมระดับสูงของเป้าหมายและสิ่งที่คุณตั้งใจจะบรรลุ แผนกลยุทธ์ของคุณต้องแบ่งวัตถุประสงค์ออกเป็นส่วนๆ และร่างทุกขั้นตอนที่คุณจะทำเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ด้วยวิธีนี้ คุณจะสามารถเห็นสิ่งที่ต้องทำในแต่ละวัน และมอบหมายงานที่จำเป็นให้กับสมาชิกในทีม ในขณะที่สามารถดูได้ว่าแต่ละส่วนมาบรรจบกันอย่างไรเพื่อช่วยให้บริษัทของคุณบรรลุเป้าหมาย

2. Select metrics and track religiously.  หาวิธีวัดค่า และ ติดตามผล อย่างสม่ำเสมอ

เมื่อคุณระบุเป้าหมายของคุณแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการเลือกตัวชี้วัดที่คุณจะติดตามความคืบหน้าของคุณ เจ้าของธุรกิจจำนวนมากทำผิดพลาดในการมุ่งเน้นไปที่ตัวชี้วัดที่ไม่ถูกต้อง สิ่งสำคัญขึ้นอยู่กับอุตสาหกรรมและเป้าหมายของคุณ แต่โดยทั่วไปแล้ว คุณควรจัดลำดับความสำคัญของการขาย ความผูกพันกับลูกค้า และอัตราการอ้างอิง เนื่องจากสิ่งเหล่านี้สะท้อนถึงความสำเร็จในระยะยาวได้ดีกว่าการเข้าชมเว็บ

จากนั้น คุณจะต้องติดตามตัวชี้วัดของคุณอย่างครอบคลุม ตรวจสอบให้แน่ใจว่าวิธีการเก็บรวบรวมของคุณมีประสิทธิภาพ เพื่อไม่ให้คุณทำงานกับข้อมูลที่มีข้อบกพร่อง ซึ่งอาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ไม่ถูกต้อง จับตาดูแต่ละตัวชี้วัด แต่อย่าลืมพิจารณาว่าพวกเขาทั้งหมดเข้ากับภาพรวมได้อย่างไร เพื่อให้คุณสามารถใช้ข้อมูลเพื่อปรับแต่งแผนกลยุทธ์ของคุณเมื่อเวลาผ่านไป

3. ทำงานร่วมกับ ที่ปรึกษา  

การมีที่ปรึกษาที่มีประสบการณ์เป็นสิ่งสำคัญในธุรกิจ ซึ่งส่งผลต่อทุกอย่างตั้งแต่ความสำเร็จในการว่าจ้าง การลาออกของพนักงาน ไปจนถึงการขายและผลกำไร สิ่งที่ชอบของ Oprah Winfrey, Bill Gates และ Steve Jobs ล้วนกล่าวว่าการมีที่ปรึกษาที่พวกเขาสามารถขอคำแนะนำในช่วงเวลาที่ยากลำบากเป็นส่วนสำคัญของความสำเร็จของพวกเขา

4. พาทีมของคุณไปด้วยและมีส่วนร่วมกับทุกคน

เนื่องจากคุณได้แจกแจงเป้าหมายของคุณและทำให้ละเอียดที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ จึงควรนำสมาชิกทุกคนในทีมของคุณเข้ามาเพื่อทำความเข้าใจแผนกลยุทธ์และวิธีที่งานแต่ละงานส่งผลต่อความก้าวหน้าโดยรวมของบริษัทของคุณเท่านั้น มุมมองภาพรวมนั้นมักจะเป็นแรงจูงใจที่จำเป็นสำหรับพนักงานของคุณในการก้าวไปข้างหน้าเมื่อจำเป็น

คนชอบที่จะเชื่อในสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเอง และการจัดทำแผนกลยุทธ์ของคุณให้เป็นวิสัยทัศน์แห่งความสำเร็จสามารถช่วยได้ จัดประชุมเป็นประจำในระหว่างที่คุณทบทวนกิจกรรมตามแผนกลยุทธ์ ย้ำเตือนในใจของทุกคน

5. ทำให้มีควายืดหยุ่น

อุตสาหกรรมส่วนใหญ่กำลังถูก Disrupt ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นบิ๊กดาต้า, AI, หุ่นยนต์ หรือนวัตกรรมทางเทคโนโลยีอื่นๆ แผนยุทธศาสตร์เมื่อสองสามปีก่อนมีแนวโน้มที่จะต้องอัปเดต และสิ่งเดียวกันก็มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นกับแผนของคุณในเร็วๆ นี้ ซึ่งนำเสนอทั้งโอกาสและความท้าทาย ด้านหนึ่ง คุณสามารถทำให้แผนกลยุทธ์มีความยืดหยุ่นเพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมที่เกิดขึ้นตามมาได้ แต่ในทางกลับกัน หากคุณสร้างแผนที่เข้มงวดเกินไป คุณจะพบว่ามันยากที่จะเปลี่ยน

2. ผู้นำ ที่ พยายามทำทุกอย่างด้วยตนเอง

การเลือกผู้นำที่เหมาะสมอาจเป็นเรื่องยาก เป็นงานที่ต้องใช้ความรอบคอบและการดูแลเอาใจใส่อย่างรอบคอบ ผู้นำที่คุณเลือกจะกลายเป็นหุ้นส่วนที่เชื่อถือได้ในที่สุดและทำหน้าที่เป็นส่วนขยายของการเป็นผู้นำของคุณ — เป็นตัวกำหนดภารกิจ วิสัยทัศน์ และค่านิยมของบริษัท

3. ผู้นำ ที่ กำจัดคนที่ไม่เห็นด้วย

มีความแตกต่างพื้นฐานระหว่างสมาชิกในทีมที่นำมุมมองที่ไม่เห็นด้วยอย่างรอบคอบและผู้ที่ขัดกับอัตตา อดีตเป็นทรัพย์สินสำหรับองค์กรของคุณ อย่างหลังสามารถทำร้ายวัฒนธรรมของบริษัทได้ ในฐานะซีอีโอ สิ่งสำคัญคือต้องระบุความแตกต่าง ทีมผู้บริหารระดับสูงมีความเสี่ยงที่จะคิดแบบกลุ่มมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าไม่มีใครไม่เห็นด้วย

การกำจัดคนที่ไม่เห็นด้วยจะนำมาซึ่ง อคติ ทำให้เราไม่เห็นมุมมองที่หลากหลาย แต่เรา ครวจะเลือกรับฟัง และ ความคิดวิพากษ์วิจารณ์มักนำไปสู่วาทกรรมที่ครุ่นคิด ผู้นำที่ดี ต้องล้อมรอบด้วย บุคคลที่กล้าพูดออกมาแม้ว่า มุมมองของเขา นั้น ไม่เป็นที่น่าชื่นชม ของผู้นำก็ตาม 

4. การรักษาการจ้างงานที่ไม่ดี

อย่าเพิ่มการเรียกรับสมัครงานที่ไม่ดีเป็นสองเท่า ยิ่งพนักงานอยู่ในองค์กรของคุณนานเท่าไร ทุกคนก็จะยิ่งแย่ลงไปอีก แน่นอนว่า ก่อนแยกทางกับพนักงาน ควรมีความพยายามในการปฐมนิเทศ การฝึกอบรม และการแก้ไขอย่างเหมาะสม พนักงานใหม่ทุกคนควรรู้สึกมีพลังที่จะทำหน้าที่ของตนให้โดดเด่น เมื่อพิจารณาจากปัจจัยทั้งหมดแล้ว การจ้างที่ไม่ดีนั้นสะท้อนถึงพนักงานได้มากพอๆ กับที่ส่งผลต่อองค์กรของคุณ และคุณในฐานะซีอีโอก็ขยายออกไป

5. เน้นอดีตหรือคู่แข่ง

การดูคู่แข่งหรือกลยุทธ์ก่อนหน้านี้เป็นแนวทางปฏิบัติทั่วไปในการวางแผนสำหรับอนาคต อย่างไรก็ตาม มันสามารถยับยั้งนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์โดยรวมในองค์กรของคุณโดยไม่ได้ตั้งใจ ในฐานะ CEO เป็นความรับผิดชอบของคุณที่จะจุดประกายความคิดเชิงวิพากษ์ในทุกระดับของธุรกิจ การมองหาคำตอบจากคู่แข่งหรือประวัติของบริษัทอย่างต่อเนื่องจะเป็นอุปสรรคต่อความก้าวหน้าและการเติบโตการดูคู่แข่งหรือกลยุทธ์ก่อนหน้านี้เป็นแนวทางปฏิบัติทั่วไปในการวางแผนสำหรับอนาคต อย่างไรก็ตาม มันสามารถยับยั้งนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์โดยรวมในองค์กรของคุณโดยไม่ได้ตั้งใจ ในฐานะ CEO เป็นความรับผิดชอบของคุณที่จะจุดประกายความคิดเชิงวิพากษ์ในทุกระดับของธุรกิจ การมองหาคำตอบจากคู่แข่งหรือประวัติของบริษัทอย่างต่อเนื่องจะเป็นอุปสรรคต่อความก้าวหน้าและการเติบโต

การใช้อดีตเป็นเกณฑ์นั้นฉลาด แต่การใช้มันเป็นแรงบันดาลใจไม่ใช่ การประเมินคู่แข่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการกำหนดแนวการแข่งขัน แต่ไม่ควรใช้เป็นพิมพ์เขียวสำหรับกลยุทธ์ของคุณเอง ในฐานะผู้นำ คุณไม่ต้องการให้บริษัทของคุณผสมผสาน อันที่จริงคุณต้องการสิ่งที่ตรงกันข้าม: โดดเด่น

อ้างอิงมาจาก 

5 Habits Every CEO Should Avoid to Be a Truly Remarkable Leader

• Prev
• Next